เชื่อว่าหลายคนเคยทุ่มเทเงินซื้อวิตามินและอาหารเสริมกินกันอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็น วิตามินผิว วิตามินบำรุงผม วิตามินบำรุงกระดูก ฯลฯ ด้วยหวังว่าสุขภาพจะดีขึ้นและได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับรู้สึกว่า วิตามินหรืออาหารเสริมที่กินมานั้น ไม่ได้ผลอย่างที่คาดหวัง สาเหตุเป็นเพราะอะไรกันแน่?
1. ร่างกายดูดซึมได้ไม่ดี
ถึงแม้ว่าจะกินวิตามินหรือ อาหารที่มีประโยชน์ แต่หากร่างกายดูดซึมได้ไม่ดี โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาการย่อยและดูดซึมอาหาร เช่น คนที่มีอาการท้องเสียบ่อย ท้องอืด ปวดท้อง กรดไหลย้อน หรือ ผู้สูงอายุ ที่มักจะย่อยอาหารประเภทแป้งและโปรตีนได้ไม่ดี จึงทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นได้น้อยกว่าปกติ นอกจากนี้การกินวิตามินตอนท้องว่าง อาจทำให้ร่างกายดูดซึมได้น้อยลง เช่น วิตามินที่ละลายในไขมัน หากกินตอนท้องว่างอาจดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ต่ำกว่า 30% เมื่อเทียบกับการกินพร้อมมื้ออาหารที่มีไขมันในระดับที่เหมาะสม
2. ปริมาณของวิตามินไม่เพียงพอ และความไม่ต่อเนื่องในการกิน
การกินวิตามินเพื่อเสริมประโยชน์ ควรกินติดต่อกันอย่างน้อย 3 เดือน ซึ่งบางคนอาจกินๆ หยุดๆ ไม่ต่อเนื่อง รวมทั้งกินในปริมาณที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร นอกจากนี้ตามข้อมูลของ National Institutes of Health (NIH) Office of Dietary Supplements พบว่า “การได้รับวิตามินบางชนิดเกินความต้องการไม่ได้เร่งให้เห็นผลเร็วขึ้น แต่กลับทำให้ร่างกายขับออกไป หรือทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้อีกด้วย”
3. พฤติกรรมสุขภาพโดยรวมไม่ดี
หลายคนอาจมีความเชื่อผิดๆ ว่าวิตามินสามารถกินเพื่อรักษาโรคบางอย่างได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว วัตถุประสงค์ของการกินวิตามินนั้นเป็นไปเพื่อส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันการขาดสารอาหารบางชนิดที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ซึ่งปัญหาการขาดสารอาหารบางชนิดส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่สมดุล ไม่ว่าจะเป็น จากความเครียด การพักผ่อนน้อย การกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ หรือขาดการออกกำลังกาย หากปล่อยให้สุขภาพโดยรวมแย่ลงอย่างต่อเนื่อง การกินวิตามินอาจไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่ในทางกลับกันหากกินอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การนอนหลับอย่างมีคุณภาพจะส่งผลดีต่อการดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น
4. เลือกกินวิตามินที่ไม่เหมาะสมกับร่างกาย
คนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อของการตลาด และตัดสินใจซื้อวิตามินตามกระแส โดยไม่ได้มองถึงสภาวะสุขภาพว่าวิตามินเหล่านั้น จำเป็นต่อร่างกายของตนเองหรือไม่ ซึ่งการเลือกกินวิตามิน เพียงเพราะหวังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายบางอย่าง เช่น กินวิตามินเพื่อให้ผิวขาวขึ้นมากกว่าสีผิวธรรมชาติ หรือ กินวิตามินให้หายจากโรคต่างๆ อาจเป็นความเข้าใจที่ผิด และไม่ได้ประโยชน์อย่างที่ควรจะเป็น
5. กินผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือ วิตามินที่ไม่มีคุณภาพ
หากเลือกกินวิตามิน หรือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ไม่มีคุณภาพ ย่อมได้รับประโยชน์น้อยลง ถึงแม้จะกินอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอก็ตาม โดยผลิตภัณฑ์เหล่านั้น อาจมีปริมาณของสารสำคัญไม่ตรงตามที่ระบุบนฉลาก นอกจากนี้บางผลิตภัณฑ์อาจผลิตไม่ได้มาตรฐาน ทำให้มีโอกาสอาจปนเปื้อนโลหะหนัก สารเคมี หรือ เชื้อโรคต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาว
ในความเป็นจริงแล้ววิตามินที่ดีที่สุดและปลอดภัยนั้น ควรเป็นวิตามินที่ได้จากแหล่งอาหารธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ผัก ผลไม้ ธัญพืช เนื้อสัตว์ ฯลฯ ซึ่งหากกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ย่อมได้รับวิตามินแร่ธาตุที่เหมาะสม แต่สำหรับหลายคนที่มีปัญหาสุขภาพ มีโรคประจำตัว หรือต้องการสารอาหารบางอย่างมากเป็นพิเศษ อาจจำเป็นต้องกินวิตามินเสริมชนิดนั้นๆ มากขึ้น เช่น คุณแม่ตั้งครรภ์ย่อมต้องการธาตุเหล็กมากขึ้น คนที่ออกกำลังกายจะต้องการโปรตีนมากกว่าคนปกติ หรือคนที่ปวดข้อเข่าอาจต้องการคอลลาเจนชนิดที่ 2 มากขึ้น เป็นต้น
.
หากกินวิตามินไปแล้ว พบว่าไม่ได้ผลอย่างที่ต้องการ สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการกินให้เหมาะสมยิ่งขึ้น รวมถึงควรเลือกกินวิตามิน หรือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผ่านการรับรองการผลิต (GMP) ตามมาตรฐานระดับสากล ได้แก่ TGA จากประเทศออสเตรเลีย และ BfArM จากประเทศเยอรมัน หรือควรปรึกษาเภสัชกรเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด
วิตามินซี และฟ้าทะลายโจร2 สิ่งสำคัญของผู้ติดเชื้อ เมื่อต้องรักษาตัวอยู่ที่บ้าน